วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เรื่องเล่าสยองขวัญ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา อุดรธานี

ประวัติคร่าว ๆ ของที่นี่ พอได้ฟังก็ไม่น่าแปลกใจที่เฮี้ยน ที่นี่ก่อนจะมาเป็นมหาวิทยาลัย เดิมเคยเป็นวังเก่าของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ซึ่งเป็นพระอัครมเหสีพระองค์แรกของรัชกาลที่ 5 เด็กนักศึกษาที่นี่ส่วนมากจะเรียกตัวเองว่า "ลูกพระนาง" ครับ คำว่าพระนางในที่นี้ ก็หมายถึง สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี นั่นเอง เริ่มที่เรื่องแรกกันเลย

          - ใต้ดินตึกศิลปกรรม

          ว่ากันว่าที่ชั้น G ตึกศิลปกรรม หรือก็คือชั้นใต้ดินนั่นเอง ในสมัยยังเป็นวังนั้นที่ตรงนี้เป็นคุกเก่า (ตอนที่ผมไปบอกเลยว่าน่ากลัวมาก ช่วงตีนบันไดก็ยังพอมีไฟฟ้าอยู่บ้าง แต่พอเดินไปลึก ๆ นี่มืดตื๋อเลย ตามสองข้างทางก็จะเป็นห้องเรียน ลองมองส่องเข้าไปห้องนึง ป๊ะเข้ากับหุ่นเขียนแบบ หัวใจเกือบวาย) ดึก ๆ เห็นว่ายามจะได้ยินเสียงโซ่ตลอด (น่าจะเป็นโซ่ตรวนที่ล่ามขานักโทษ) เด็กจิตรกรรมคนหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่า เคยอยู่ดึก ๆ เขียนงานไปดูดบุหรี่ไป ยังเคยเจอแม่ (พระนางสุนันทา) มาเตือนให้เลิกดูดบุหรี่ จนสุดท้ายทุกวันนี้ไม่มียามกล้าอยู่เฝ้าชั้นใต้ดินตอนดึก ๆ เลยแม้แต่คนเดียว
          - ห้องแกรนด์เปียโน 

          เรื่องเกิดจากเด็กนาฏศิลป์กลุ่มหนึ่งได้ขึ้นมาทำกิจกรรมในห้องแกรนด์เปียโน แล้วเหมือนว่าไม่ได้มีการบอกกล่าวหรือไหว้ขอนุญาตใด ๆ ในห้องนี้ก่อน (มหาวิทยาลัยนี้ ทุกห้องทุกตึกจะมีบรมครูอยู่ทุก ๆ ที่) นักศึกษาหญิงคนนึงในกลุ่มที่เป็นคนมีเซ้นส์อยู่ดี ๆ ก็เกิดชัก อารมณ์ประมาณว่าของเข้า ขณะที่ทุกคนกำลังพยายามช่วยเพื่อนที่โดนของเข้าอยู่นั้นเอง ก็มีนักศึกษาหญิงอีกคนเห็นเงาผู้ชายแก่ ๆ ยืนอยู่ข้าง ๆ เปียโนในห้อง

          - พี่จุก  

          ที่ห้องดนตรีไทยของมหาวิทยาลัย อะไรก็ตามที่เป็นไทย ๆ จะถูกรวบรวมนำมาเก็บไว้ในห้องนี้ โดยของบางอย่างในห้อง ว่ากันว่าเก่าแก่ขนาดตกทอดมาตั้งแต่สมัยยังเป็นตำหนักเลยทีเดียว ในห้องจะมีกุมารทองอยู่ 2 ตน สีแดงกับสีชมพู สีแดงคือพี่จุก สีชมพูคือเพื่อนเค้า ครั้งหนึ่งระหว่างการรับน้องของคณะ เด็กปี 1 คนหนึ่งเกิดกรี๊ดสนั่นขึ้นมา ก่อนจะตะโกนว่า "กูจะเอาไปด้วย กูจะเอาไปด้วย" มารู้ตอนหลังว่าเป็นพี่จุกที่ไปเข้าสิง เค้าโกรธที่ย้ายห้องดนตรีขึ้นมาบนตึกแล้วไม่เอาเค้าขึ้นไปด้วย เค้าเหงา

          - ครูฮอน 

          ชั้น 4 ตึกศิลปกรรม เป็นชั้นของศิลปะการแสดง ประกอบไปด้วยนาฏศิลป์ไทยกับการละครไทย ครูฮอนเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยนี้ เอกนาฏศิลป์ ด้วยความที่รักและผูกพัน ครูฮอนจึงได้กลับมาเป็นอาจารย์สอนที่นี่ ครูฮอนเสียชีวิตไปด้วยโรคปอดติดเชื้อ เรื่องเล่าต่อมา เมื่อประมาณราว ๆ 4 ทุ่ม พี่ยามสองคนก็ได้ขึ้นลิฟต์มาชั้น 4 เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยและไล่เด็กกลับบ้าน มาถึงชั้น 4 ลิฟต์ก็เปิดออก (ปิดไฟมืด เป็นทางเดินยาว ๆ) พี่ยามทั้งสองก็เห็นเป็นเงาคนยืนอยู่ที่สุดฝั่งทางเดินอีกฝั่ง พี่ยามก็ตะโกนบอก "ทำไมยังไม่กลับบ้าน ตึกปิดแล้วครับ"

          คนที่ยืนอยู่อีกฝั่งก็ไม่ตอบอะไร ยามทั้งสองคนก็เริ่มโมโห เดินเข้าไปหา พอใกล้จะถึงก็ส่องไฟฉายเข้าใส่ พบเป็นผู้ชายยืนอยู่ ยืนแบบปกติเลย ไม่มีเลือดไม่มีอะไร แต่ผู้ชายคนนั้นไม่มีท่อนล่าง ตั้งแต่เอวลงไปไม่มีอะไรเลย แล้วสักพัก ผู้ชายคนนั้นก็รำ ... คาดกันว่า ผู้ชายคนนั้น น่าจะเป็นครูฮอนนั่นเอง

          - เนินพระนาง (ใหม่) 

          เป็นเรื่องเล่าของชมรมเชียร์ลีดเดอร์ครับ น้องเค้าเล่าให้ฟังว่ามีตอนใกล้แข่งที่ต้องอยู่ซ้อมกันดึก ๆ ฝ่ายเต้นก็จะหันหน้าเข้าหาเนินพระนาง หันหลังให้ตึก ระหว่างที่เต้น ๆ อยู่ น้องอีกกลุ่มที่นั่งดูเพื่อนเต้น ก็เห็นที่ตึกฝั่งตรงข้ามมีเงาคนมายืนดูอยู่เต็ม บ้างก็ยืน บ้างก็นั่งห้อยขา

          - เนินพระนาง (เก่า)

          เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมโดนมากับตัวเลยครับ น่าจะเป็นประสบการณ์เฉียดผีที่สุดแล้ว คือผมเนี่ยต่อให้เห็นผีมาปรากฏแลบลิ้นปลิ้นตาต่อหน้าจริง ๆ ยังไม่แน่ใจว่าจะเชื่อว่าโดนผีหลอกเลยครับ เผลอ ๆ ตื่นเช้ามาจะบอกตัวเองด้วยซ้ำว่าแค่ตาฝาด คิดไปเอง (จิตปรุงแต่ง) แต่เรื่องที่ผมไปโดนมาที่สวนสุนันทานั้น บอกได้เลยว่าใกล้เคียงกับคำว่าปาฏิหาริย์เลยล่ะ

          ตอนแรกเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เพื่อนผมโดนมาก่อนครับ น้องมายด์ สตรอว์เบอรี่ชีสเค้ก เธอเรียนนิเทศฯ อยู่ที่มหาวิทยาลัยนี้ ครั้งหนึ่งตอนรับน้องก็ได้ซื้อธูปมา กะจะไปไหว้พระนางกัน ระหว่างเดินในช่องทางเดิน (เนินพระนางเก่าจะอยู่หลังตึกนิเทศฯ ช่องทางเดินที่ว่าจะลอดผ่านตึกนิเทศฯ ไปยังเนินพระนาง เด็กนิเทศฯ จะเรียกหลืบนิเทศฯ) เพื่อนมายด์เค้าก็จุดธูปขึ้นมาลอง 1 ดอก มายด์เป็นคนเหม็นธูปก็เลยโวยวาย ก่อนจะดึงธูปในมือเพื่อนมาปักลงดินที่หน้าเนินพระนาง มายด์เล่าให้ฟังว่าทันทีที่ปักธูปลมพัดแรงมาก พัดแรงปานพายุย่อม ๆ จนเพื่อน ๆ ต้องรีบขอขมาแม่กันยกใหญ่

          ผมมีโอกาสได้ไปลองทำเลียนแบบเรื่องนี้มาครับ เวลาประมาณ 4 ทุ่มเกือบ ๆ 5 ทุ่ม จะเจอผีก็ประมาณนี้แหละกำลังดี ยืนหน้าเนินพระนาง จุดธูปขึ้นมา 1 ดอก (จุดธูป 1 ดอกตำราว่าคือการเรียกผี) ก่อนจะปักก็เช็กสภาพลมรอบตัวอย่างดีครับ สงบนิ่งเลย ไม่หือไม่อือใด ๆ ทั้งสิ้น แต่พอปักดินเข้าเท่านั้นละครับ อย่างกับพล็อตหนังสยองขวัญ ลมพัดมาทันที แล้วไม่ใช่แบบค่อย ๆ พัดด้วย มาแบบกระโชกโฮกฮากเลย บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าผมไม่เชื่อเรื่องผีครับ มาเป็นตัวก็ไม่เชื่อ แต่กรณีนี้ยังไงก็ไม่มีทางคิดไปเองได้แน่ ๆ ครับ นี่เข้าข่ายวิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้แบบจะแจ้ง ถึงตรงนี้ทำอะไรไม่ถูกครับ โทรถามเพื่อนเลย เพื่อนผมบอกอย่าดับธูปเด็ดขาด ถ้าดับธูปเหมือนเรียกเค้ามาแล้วไล่เค้ากลับแบบหมูแบบหมา ต้องลาเค้าดี ๆ ก่อน ผมก็ซื้อน้ำแดงซื้อดอกไม้มาขอขมาตามสเต็ป ก่อนรอให้ธูปดับไปเองตามธรรมชาติของมันครับ

          ที่เล่ามานี่ไม่ใช่ให้ไปลองของที่เนินพระนางกันนะครับ คือที่มหาวิทยาลัยนี้นี่เค้านับถือแม่กันมาก ไปลองสุ่มสี่สุมห้าอาจจะไม่ได้เจอแค่ผี อาจจะโดนตีนเด็กนักศึกษาที่นั่นเอาได้ 55555 พระนางศักดิ์สิทธิ์มากครับ เด็กที่นี่คนไหนมีคิวจะทำกิจกรรมอะไรเค้าจะมาไหว้แม่ตั้งแต่ตีห้า น้องคนหนึ่งเล่าให้ผมฟังตอนที่ไปลองปักธูป น้องเค้าบอกเดินมาตอนตีห้ากะมาไหว้แม่ มองขึ้นไปบนเนินเห็นนางรำ รำอยู่ห้าคน ผมก็ถาม เฮ้ย ! เห็นแล้วทำไงต่อ น้องมันบอกก็ยืนดูจนเค้ารำเสร็จ แล้วเค้าก็ค่อย ๆ จางหายไป (แหม่... เป็นกูนี่วิ่งตั้งแต่เห็นละ)

          ข้อสุดท้ายละ ในสวนสุนันทามีหลุมหลบภัยด้วยนะครับ คาดว่าน่าจะสร้างไว้รับมือตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเอง สุดท้ายก็ขอทิ้งไว้ด้วยประโยคของรุ่นพี่ผมคนหนึ่ง ที่เรียนจบจากที่มหาวิทยาลัยนี้ แกพูดเป็นปรัชญาไว้ตอนแกเมาว่า "คำว่า หลุมหลบภัย คำว่าสงคราม...  มันก็ใกล้เคียงกับคำว่าความตาย"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น